วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

เมื่อดอกลานบานสะพรั่ง

เช้าของวันที่ 3 กันยายน 2552 เมื่อผมและชาวคณะศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วได้รับทราบข้อมูลว่าช่วงนี้ “ดอกลาน” จากต้นลานกำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มที่ ก็ไม่รอช้าที่จะรีบไปสัมผัสและหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ จุดหมายที่เดินทางไปครั้งนี้คือ “อุทยานแห่งชาติทับลาน”
อุทยานแห่งชาติทับลาน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปักธงชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี สภาพป่าที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื้อที่ของอุทยานแห่งชาติที่นี่ ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ คือ มีเนื้อที่ประมาณ 1,397,375 ไร่ หรือ 2,235.80 ตารางกิโลเมตร
เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง และเดินสำรวจต้นลาน พร้อมกับเจ้าหน้าอุทยาน ทำให้ทราบว่า “ต้นลาน” เป็นพันธุ์ไม้ที่หาดูได้ยาก มีเฉพาะบางท้องที่ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว อยู่ในวงศ์ปาล์ม (Palmae) เป็นพืชที่มีความทนทานต่อภัยธรรมชาติเป็นอย่างดี สามารถเติบโตได้ในที่ที่มีความชื้นสูง และระบายน้ำได้ดี ส่วนใหญ่จะชอบขึ้นเป็นป่าดงใหญ่ เป็นกลุ่ม ต้นลานที่ขึ้นตามธรรมชาติ จะเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ และมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น หุบผา หน้าผา น้ำตก
ต้นลานนอกจากจะยังประโยชน์แก่ธรรมชาติแล้ว ส่วนประกอบของพืชชนิดนี้ยังให้ประโยชน์แก่มนุษย์อีกด้วย เช่น “ใบลาน” ถ้าเป็นชนิดอ่อน ก็นำมาสานเป็นวัสดุต่างๆ ได้ ถ้าเป็นชนิดแก่ ก็นำมาทำเป็นใบลานเพื่อเขียนตัวหนังสือลงไป ตามที่เราเคยได้ยินคำว่า “คัมภีร์ใบลาน” นั่นเอง

ต้นลานมีสองเพศ คือ เพศผู้ และ เพศเมีย ชื่อของต้นลานที่เราพบบ่อย ได้แก่ “ลานดำ” “ลานขาว” “ลานพร้าว” (มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Corypha Lecomtei Becc. ) ลักษณะลำต้นจะมีกิ่งก้านที่ขึ้นถี่ และ อาจพบ “ลานดง” ที่มีลักษณะกิ่งก้านที่ขึ้นห่างๆ ได้ด้วย
ภัฑรกิจ ไชยถา (ภาพ:บทความ)

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สำเร็จเพราะคิด สัมฤทธิ์เพราะทำ

สุภาษิตจีนบอกไว้ว่า “ลูกผู้ชายจะเป็นใหญ่ไม่ได้ ถ้าไม่ฝืนดวง”—ในทางการบริหาร บอกว่า "ที่นั่งที่ดีที่สุด คือ นั่งในหัวใจคน"—หลักพระพุทธศาสนา ใช้หลัก “อิทธิบาท ๔” ในการทำงานร่วมกัน อันได้แก่—ฉันทะ (ความพอใจ)—วิริยะ (ความเพียร)—จิตตะ (ความมุ่งมั่นเอาใจใส่)—วิมังสา (ความรอบคอบ)
ในวันนี้ขึ้นต้นบทความแบบแปลกแหวกแนวไปสักนิด เพราะเมื่อคืนนี้นั่งอ่านหนังสือ "สามก๊ก" แล้วนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าจะนำขึ้นบล๊อกดีหรือไม่ หลังจากพิจารณาแล้วคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ก็เลยเอามานำเสนอ ในวันนี้ขอเสนอตัวละครตัวหนึ่งที่ได้ใช้หลักการบริหารข้างต้นจนประสบความสำเร็จ ท่านผู้นี้คือ "เล่าปี่"
เล่าปี่กระทำการฯ ได้สำเร็จ เพราะมีคุณธรรม ดังนี้—มีปัญญา และ น้ำใจ—สุขุม—โอบอ้อมอารี—มีมนุษย์สัมพันธ์—มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์—รับฟังความคิดเห็นเสมอ—มีวิสัยทัศน์—มีสุขภาพแข็งแรง
ดังนั้น การที่จะขึ้นเป็นผู้บริหารที่ดีได้ต้องปฏิบัติ ดังเล่าปี่ กล่าวคือผู้บริหารที่ดีต้อง—มีปัญญา—มีน้ำใจ—อยู่ในอุเบกขา—สายตากว้างไกล—ใจอารี—มีแรงจูงใจ—ไม่หูเบา—พลานามัยสมบูรณ์

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)

วิสัยทัศน์ หมายถึง จุดมุ่งหวัง ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น หรือสิ่งที่คิดว่าควรจะเป็นในอนาคตโดยมองอนาคต จากการสำรวจสภาพที่แท้จริงทั้งภายในและภายนอก โดยเน้นความเป็นเลิศและการสร้างโอกาส การมองการณ์ไกลซึ่งเป็นการมองโลกที่เปลี่ยนแปลงให้เห็นจริงเห็นชัดได้ล่วงหน้าแล้วนำมาใช้สำหรับ การปรับปรุงและพัฒนาตนเอง ให้สอดคล้องเข้ากันได้ภายใต้เงื่อนไขใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทั้งนี้ในความหมาย เชิงปฏิบัติการจึงหมายถึง การกำหนดภาพในอนาคตขององค์กรที่ชัดเจนโดยการนำความรู้ ประสบการณ์และทักษะ ตลอดจนฐานข้อมูลทั้งในอดีตและปัจจุบันมากำหนด ภาพของเป้าหมายในอนาคตระยะยาวขององค์กร

การสร้างวิสัยทัศน์ FORMULATING
1. เข้าใจสิ่งแวดล้อม
2. เข้าใจองค์กร
3. เข้าใจลูกค้า
4. เข้าใจคู่แข่ง

องค์ประกอบของวิสัยทัศน์
องค์ประกอบสำคัญที่จะต้องมีในข้อความที่กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ คือ ค่านิยม (Value) ภารกิจ (Mission)
และเป้าหมาย (Goal)
ค่านิยม คือ ความเชื่อขององค์กรโดยรวมที่ยึดถือและปฏิบัติต่อ ๆ กันมา
ภารกิจ คือ สถานภาพและสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันขององค์กรและสถานภาพที่จะเป็นและจะทำในอนาคต
เป้าหมาย คือ สิ่งที่องค์กรมีความยึดมั่นผูกพันและจะต้องทำให้สำเร็จ

ความสำคัญของวิสัยทัศน์
1. ช่วยกำหนดทิศทางที่จะดำเนินชีวิตหรือกิจกรรมองค์กร โดยมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน
2. ช่วยให้สมาชิกทุกคนรู้ว่า แต่ละคนมีความสำคัญต่อการมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง และรู้
ว่าจะทำอะไร (What) ทำไมต้องทำ (Why) ทำอย่างไร (How) และทำเมื่อใด (When)
3. ช่วยกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนมีความรู้สึกน่าสนใจ มีความผูกพัน มุ่งมั่นปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ ท้าท้าย เกิดความหมายในชีวิตการทำงาน มีการทำงานและมีชีวิตอยู่อย่างมีเป้าหมายด้วยความภูมิใจ และทุ่มเทเพื่อคุณภาพของผลงานที่ปฏิบัติ
4. ช่วยกำหนดมาตรฐานของชีวิต องค์กรและสังคมที่แสดงถึงการมีชีวิตที่มีคุณภาพ องค์กร ที่มีคุณภาพ และสังคมที่เจริญก้าวหน้ามีความเป็นเลิศในทุกด้าน

ลักษณะของวิสัยทัศน์ที่ดี
1. มีมุมมองแห่งอนาคต (Future perspective) สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และค่านิยมขององค์กรรวมทั้งวัตถุประสงค์และภารกิจขององค์กรนั้น ๆ
2. ริเริ่มโดยผู้นำและสมาชิกมีส่วนร่วมคิดและให้การสนับสนุน (Share and Supported) มีความน่าเชื่อถือ ทุกคนเต็มใจที่จะปฏิบัติตาม การมีส่วนร่วมของสมาชิกจะก่อให้เกิดความผูกพัน (Commitment) ร่วมกัน และทุกคนพร้อมที่จะให้การสนับสนุน
3. มีสาระครบถ้วนและชัดเจน (Comprehensive & Clear) สะท้อนให้เห็นถึงจุดหมายปลายทางและทิศทางที่จะก้าวไปในอนาคตที่ทุกคนเข้าใจง่าย สามารถทำให้สำเร็จได้ตรงตามเป้าหมาย สาระต่างๆ จะช่วยกระตุ้น ท้าทายความสามารถและความรู้สึกนึกคิดของบุคลากรที่จะปฏิบัติงาน
4. ให้ความฝันและพลังดลใจ (Positive & Inspiring) ท้าท้าย ทะเยอทะยาน สามารถปลุกเร้า และสร้างความคาดหวังที่เป็นสิ่งพึงปรารถนาที่มองเห็นได้ นั่นคือ มีเส้นทางที่ท้าท้ายความสามารถ
5. มีแผนปฏิบัติที่แสดงให้เห็นวิธีการที่มุ่งสู่จุดหมายชัดเจนและเมื่อปฏิบัติตามแล้วจะให้ผลคุ้มค่า ในอนาคต ทั้งในด้านบุคคลและองค์กรทั้งนี้จะต้องมีความสอดคล้องกับจุดหมายปลายทางที่กำหนดเป็นวิสัยทัศน์
6. ต้องมองหลายมิติ ทั้งด้านกว้างไกลลึกและสูง เป็นการมองภาพรวม วิเคราะห์ทั้งจุดเด่น จุดด้อย โอกาส อุปสรรคขององค์กร เป็นการมองไปข้างหน้าไม่ใช่แค่ระยะสั้นๆ มีความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จหรือต้องมีความใฝ่สูงและความทะเยอทะยานจึงจะประสบความสำเร็จได้
7. ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า วิสัยทัศน์ที่ดีต้องมีการวางแผน มุ่งการสร้างไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา ต้องเป็นการปฏิบัติการเชิงรุกมากกว่าเชิงรับ ฉะนั้น การวางแผนที่ดีต้องมีข้อมูล ต้องทันสมัย ทันเหตุการณ์ และทันต่อความเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน
8. ต้องบรรลุเป้าหมายได้ วิสัยทัศน์ที่ดีต้องปฏิบัติได้ด้วยความสมเหตุสมผล ภายใต้ระยะ เวลาที่แน่นอน ฉะนั้น การวางวิสัยทัศน์ที่ดีคือต้องมีเป้าหมายและกำหนดเวลาที่ชัดเจนรวมทั้งบรรลุเป้าหมายได้นั่นเอง
9. ต้องเป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นสิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการ วิสัยทัศน์ที่ดีต้องท้าทายความ สามารถ ต้องสร้างแรงจูงใจเพื่อจะไปสู่จุดหมาย และจุดหมายนั้นต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการร่วมกัน ต้องสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธา ต้องกระตุ้นให้ทุกคนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แรงจูงใจความเชื่อมั่นและศรัทธาจะเป็นปัจจัยที่จะทำให้วิสัยทัศน์ประสบความสำเร็จ
10. ต้องคุ้มค่า เนื่องจากวิสัยทัศน์เป็นเรื่องของอนาคต ฉะนั้น ผลที่จะเกิดขึ้นต้องใช้ระยะ เวลาเพื่อพิสูจน์ความคุ้มค่า และความคุ้มค่าบางอย่างไม่อาจวัดได้จากตัวเลข ตัวเงิน เช่น ความ ก้าวหน้า ความทันสมัย การพัฒนาทางความคิด การพัฒนาสุขภาพ ดังนั้น จึงต้องมีวิธีการวัดหรือประเมินผลที่ชัดเจนประกอบด้วย 11. ต้องมีกลยุทธ์ที่มุ่งสู่อนาคต วิสัยทัศน์เป็นเรื่องของอนาคต และกลยุทธ์คือวิธีการที่จะไปสู่อนาคตที่วางไว้นั่นเอง การจะปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายนั้น ต้องมีวิสัยทัศน์หรือเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน และที่สำคัญต้องมีวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายนั้นด้วย
ทุกองค์กรผู้นำต้องมีหน้าที่ในการวางวิสัยทัศน์ไว้อย่างชัดเจน ถ้าวิสัยทัศน์ขององค์กรเป็นเรื่องของเป้าหมายในอนาคตที่คนในองค์กรส่วนใหญ่ปรารถนาและอยากไปถึงจุดนั้นพร้อมกัน นั่นก็หมายความว่าวิสัยทัศน์ขององค์กรนั้น เป็นวิสัยทัศน์ที่ดี และเหมาะสมแล้วนั่นเอง


วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ช่วงเช้าของวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 ในสภาพบรรยากาศที่ก่อนหน้านั้นเต็มไปด้วยเมฆหมอกบนท้องฟ้า (เนื่องมาจากกลุ่มละอองน้ำที่เกิดจากฝนตกในช่วงกลางคืนของวันที่ 21 กรกฎาคม 2552 ยังคงค้างอยู่) เมื่อถึงเวลาประมาณ 08.15 น. กลุ่มเมฆที่หนาทึบค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกัน (แต่ยังคงไว้ในสภาพบางๆ ) ทำให้สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ด้วยตาเปล่า เมื่อสังเกตให้ดีจะเริ่มเห็นเงาสีดำเว้าเข้าไปในส่วนวงกลมของดวงอาทิตย์ (ทางด้านล่างซ้าย) นั่นเป็นสัญญาณเริ่มของการเกิดปรากฎการณ์สุริยุปราคาแบบเต็มดวง ที่พวกเราทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอมาหลายเดือน จากครั้งที่เคยเกิดสุริยุปราคา (บางส่วน) เมื่อเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา เมื่อผ่านไปได้สักพักหนึ่งเมฆหมอกก็เคลื่อนเข้ามาบดบังท้องฟ้าอีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นการเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบเต็มดวงได้อีกครั้งนี้ถือเป็นการบันทึกภาพประวัติศาสตร์อีกห้วงเวลาหนึ่งของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว เพื่อเป็นการจดจำเหตุการณ์ที่สำคัญ ซึ่งในรอบปีหนึ่งจะเกิดไม่กี่ครั้งการสังเกต และการจดบันทึก ถือเป็นกระบวนแรกของผู้ที่สนใจศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ดังนั้น การศึกษาด้านวิทยาศาสตร์จึงต้องอาศัยการใส่ใจ ศึกษาข้อมูล รายละเอียดของสิ่งที่เรากำลังศึกษา ซึ่งจะทำให้เราเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์อย่างสนุกสนานและได้ความรู้ในเวลาเดียวกัน

วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


ในวันพุธ ที่ 22 กรกฎาคม 2552 ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ถึง 09.20 น. จะเกิดปรากฏการณ์ "สุริยุปราคาเต็มดวง" ในครั้งนี้ดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บดบังจนทำให้ท้องฟ้ามืดลงจนสามารถมองเห็นดาวได้สุริยุปราคาเต็มดวงครั้งนี้จะมีช่วงเวลามืดเต็มดวงยาวนานที่สุด ระยะเวลาการเกิดคราสเต็มดวงครั้งนี้นานถึง 6 นาที 39 วินาที ถือว่านานที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เพราะนับจากปีนี้ไปอีก 123 ปี จึงจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงยาวนานอีกครั้งหนึ่งในอเมริกากลาง เส้นทางของคราสจะเริ่มต้นที่ประเทศอินเดีย ผ่านประเทศจีน เกาะเล็กๆ ทางใต้ของญี่ปุ่น และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงที่คราสเริ่มต้น และสิ้นสุดลง เราจะเห็นปรากฏการณ์ “ลูกปัดเบลี” และปรากฏการณ์ “แหวนเพชร” รวมถึงบรรยากาศของดวงอาทิตย์ในขณะที่ดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บดบังมืดมิดทั้งดวง เรียกว่า “คอโรนา” (Corona) เมื่อท้องฟ้ามืดอันเกิดจากสุริยุปราคาเต็มดวง เราอาจเห็นดาวเคราะห์และดาวฤกษ์หลายดวง เช่น ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวซิริอุส เป็นต้นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้มองเห็น เปลวสุริยะ (Prominence) เป็นพวยแก๊สพุ่งออกมาใกล้ขอบดวงอาทิตย์ ก็คือกล้องสองตาและกล้องโทรทรรศน์ แต่การจ้องมองดวงอาทิตย์ตรงๆ อาจมีอันตรายต่อสายตา ดังนั้น จึงควรมีอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันแสงอาทิตย์ เช่น กระจกรมควันดำ หรือ แว่นตาที่ผลิตขึ้นมาใช้ในการดูดวงอาทิตย์โดยเฉพาะ

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ทักทายกันก่อน

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวบริหารการศึกษา รุ่น 24 ทุกท่าน เป็นอย่างไรบ้างครับ หลังจากเรียนด้วยกันมาประมาณ 1 เดือน หลายๆ ท่านคงเริ่มคุ้นเคย และทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้นนะครับ ครั้งนี้ผมได้พัฒนารูปแบบเว็บของพวกเราให้ดูสบายตาขึ้น แต่เพิ่ม Obtions บางอย่างให้ได้ลองเข้าไปค้นหากัน ถ้าอยากติ/ชม ประการใด ท่านสามารถ comments ในช่องที่จัดเตรียมไว้ให้ หรือ อยากติดต่อกับ webmaster โดยตรง เพื่อฝากบทความไว้ในเว็บ ก็สามารถทำได้โดยคลิกที่ซองจดหมายด้านล่างครับ ในโอกาสนี้ผมขออนุญาตเปิดตัวตัวเว็บของชาวบริหารการศึกษา รุ่น 24 เราอย่างเป็นทางการครับ